วันพุธที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2558

บทนำเกี่ยวกับห้องผ่าตัด
ห้องผ่าตัดเป็นสถานที่ให้บริการรักษาพยาบาลผู้ป่วยที่ต้องรักษาด้วยวิธีผ่าตัดและตรวจพิเศษ ทั้งในเวลาและนอกเวลาราชการทุกกลุ่มอายุ เป็นหน่วยงานที่สำคัญหน่วยหนึ่งของโรงพยาบาล ทุกห้องผ่าตัดมีเป้าประสงค์ของการให้บริการเหมือนกัน กล่าวคือผู้รับบริการทุกคนมีความปลอดภัย มีความสุขสบายพอสมควร ไม่เกิดภาวะแทรกซ้อนที่ไม่พึงประสงค์ และฟื้นหายในเวลาที่เหมาะสม สามารถตอบสนองความคาดหวังของผู้ใช้บริการ และเป็นที่พึงพอใจ 

ชุดหมอในห้องผ่าตัดทำไมต้องเป็นสีเขียว??
สีเขียวถูกนำมาใช้ตั้งแต่กลางปี ค.. 1950 ก่อนหน้านี้ใช้ผ้าลินินสีขาว ศัลยแพทย์บ่นว่ารู้สึกไม่สบายตาเวลาเห็นผ้าสีขาวสะท้อนแสงจากไฟที่สว่างในห้องผ่าตัด จึงได้มีคนพบว่าใช้สีเขียวมาใช้เพื่อลดการสะท้อนของแสง และเป็นความคิดเริ่มแรกที่นำสีเขียวมาใช้ ซึ่งระยะหลังอาจจะมีเหตุผลอื่นเข้ามาสนับสนุนการใช้สีเขียวมากขึ้นเช่น 
- จากการวิจัยพบว่าสีเขียวช่วยยับยั้งความบ้าเลือดของศัลยแพทย์ดีที่สุด ทําให้จิตใจอ่อนโยน 
- สีเขียวตรงข้ามกับสีแดงเวลามีเลือดไหลมันจะเห็นได้ง่ายเพราะสีของผ้าจะเข้มขึ้น 





ตัวอย่างการผ่าตัดโรคต่างๆ
คำจำกัดความ
ข้อมูลบริการ งานห้องผ่าตัด โรงพยาบาลสกลนคร

1.      การผ่าตัดเล็ก (Minor Operation) หมายถึง การผ่าตัด (ราย) ที่ต้องใช้ยาระงับความรู้สึกระยะสั้นเฉพาะที่หรือไม่ใช้เลยต้องทำในห้องผ่าตัดเล็ก หรือห้องผ่าตัดใหญ่ ยกเว้นการขูดมดลูก การเข้าเฝือก การทำแผล (ที่มา: หนังสือคำนิยามสถิติสาธารณสุข กลุ่มข้อมูลข่าวสารสุขภาพ สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์) แหล่งข้อมูล       
1. งานห้องผ่าตัด        2. งานอุบัติเหตุฉุกเฉิน
ข้อกำหนดเพิ่มเติม  การเข้าเฝือก, การทำแผล, MCA
ระยะเวลา  ในช่วง 1 เดือนนั้น
2.      การผ่าตัดใหญ่ (Major Operation) หมายถึง การผ่าตัด (ราย) ที่ต้องใช้ยาสลบหรือฉีดยาชาเข้าไขสันหลัง (spinal block) หรือ นอกไขสันหลัง (Epidural block) และจำเป็นต้องทำในห้องผ่าตัดใหญ่ (ที่มา : หนังสือคำนิยามสถิติสาธารณสุข กลุ่มข้อมูลข่าวสารสุขภาพสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์)
แหล่งข้อมูล        งานห้องผ่าตัด โรงพยาบาลสกลนคร
ข้อกำหนดเพิ่มเติม  Retro bulbar block, Brochial block
ระยะเวลา  ในช่วง 1 เดือนนั้น
3.      จำนวนการผ่าตัดทั้งหมด หมายถึง การผ่าตัดเล็กและการผ่าตัดใหญ่ (ราย) ทั้งหมด แหล่งข้อมูล 1. งานห้องผ่าตัด 2. งานอุบัติเหตุฉุกเฉิน ระยะเวลา ในช่วง 1 เดือนนั้น
4.      การเสียชีวิตในห้องผ่าตัด หมายถึง จำนวนผู้ป่วยเสียชีวิต(คน) ในห้องผ่าตัดทุกราย แหล่งข้อมูล งานห้องผ่าตัด โรงพยาบาลสกลนคร ยกเว้น  Death Fetus in utero ระยะเวลา  ในช่วง 1 เดือน
5.      การผ่าตัดไส้ติ่ง หมายถึง การรักษาผู้ป่วยไส้ติ่งอักเสบ(คน) โดยการผ่าตัด แหล่งข้อมูล เฉพาะงานห้องผ่าตัด ข้อยกเว้น  การตัดไส้ติ่ง โดยไม่มีข้อบ่งชี้ว่า ไส้ติ่งอักเสบ ระยะเวลา ในช่วง 1 เดือนนั้นๆ
6.      การผ่าตัดมดลูก หมายถึง การผ่าตัดมดลูกทางหน้าท้อง(คน) ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นเนื้องอกมดลูกแหล่งข้อมูล เฉพาะงานห้องผ่าตัด ข้อกำหนดเพิ่มเติม ผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมดลูกหย่อนโผล่มาทางช่องคลอด ระยะเวลา ในช่วง 1 เดือนนั้นๆ
มะเร็งเต้านมเป็นโรคที่ถือว่าเป็นอันตรายคุกคามต่อชีวิต   (life threatening disease) ซึ่งหมายความว่า หากไม่รักษาหรือปล่อยทิ้งไว้เฉยๆ  มันจะไม่หายไปเอง แต่จะทำให้โรคเป็นมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นสาเหตุทำให้เสียชีวิตได้
การผ่าตัดเป็นกระบวนการแรกของการรักษามะเร็งเต้านม ที่ต้องทำตั้งแต่แรกเริ่มให้ดีที่สุด  เหมาะสม กับผู้ป่วยแต่ละราย เพราะมิเช่นนั้นหากโรคกลับเป็นซ้ำขึ้นในภายหลัง จะรักษาต่อได้ยาก ได้ผลไม่ค่อยดีด้วย สุดท้ายโรคจะเป็นมากจนควบคุมไม่ได้
ในการผ่าตัด เรามีหลักการว่า เป็นการผ่าตัดกำจัดก้อนเนื้อมะเร็งและในบางครั้งรวมถึงเนื้อเยื่อที่เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งให้หมดเกลี้ยงไป ไม่ให้หลงเหลืออยู่ เพื่อป้องกันไม่ให้โรคกลับเป็นซ้ำ ขณะเดียวกันผลการผ่าตัดต้องออกมาดี  แผลไม่น่าเกลียด ส่วนกรณี ผ่าตัดสงวนเต้า เต้านมต้องดู ไม่ขี้เหร่ ไม่มีภาวะแทรกซ้อนจากการผ่าตัด โดยต้องพิจารณาเลือกวิธีการผ่าตัดให้เหมาะกับผู้ป่วยแต่ละรายไป
การวางแผนด้านการผ่าตัด
หลังจากทราบผลการตรวจเนื้อเยื่อ ยืนยันแล้วว่าเป็นโรคมะเร็งเต้านม  ก็จะต้องมีการรักษาตามมา การรักษามะเร็งเต้านมในปัจจุบันนี้ จะตั้งเป้าหมายของการรักษาไว้ที่ หวังผลหายขาด (curative aim) โดยเฉพาะผู้ป่วยในระยะแรกๆ (early breast cancer)  ซึ่งเป็นผู้ป่วยที่มีการตรวจเช็คมะเร็งเต้านมอยู่เป็นประจำ ทำให้สามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นตั้งแต่ในระยะเริ่มต้น การรักษาจะเริ่มด้วยการผ่าตัดซึ่งถือเป็น ลำดับแรกของกระบวนการรักษาโรคมะเร็งเต้านม
ปัจจุบันการผ่าตัดมีทางเลือกหลายแบบหลายวิธี ที่จำเป็นต้องทราบไว้บ้าง โดยเราจะแยกส่วนของการผ่าตัดเป็นสองส่วน คือเราจะผ่าตัดที่เต้านมด้วยวิธีไหน  และอีกส่วนหนึ่งคือเราจะจัดการผ่าตัดที่ต่อมน้ำเหลืองรักแร้อย่างไร
การผ่าตัดที่เต้านม ก็มีการแยกย่อยไปอีกหลายเทคนิควิธีการ  ดังนั้นเพื่อให้เกิดผลการรักษาดีที่สุด จำเป็นต้องวางแผนการผ่าตัด อย่างดีก่อนเสมอ เพื่อเลือกวิธีผ่าตัดที่เหมาะสมสำหรับผู้ป่วยแต่ละคน คือแต่ละคนก็เหมาะกับวิธีผ่าตัดไปกันคนละแบบขึ้นกับรายละเอียดต่างๆอีก
ปัจจัยที่มีผลต่อการเลือกวิธีการผ่าตัด ได้แก่
ปัจจัยตัวมะเร็ง
1. ลักษณะของมะเร็ง  มะเร็งที่มีลักษณะทางชีววิทยา (tumor features) ที่บ่งบอกว่ามีความร้ายแรง มีโอกาสกลับเป็นซ้ำในเต้านมได้สูง ก็ไม่ควรเลือกวิธีผ่าตัดแบบสงวนเต้า
2. ตำแหน่งของก้อนมะเร็ง  เป็นสิ่งที่จะกำหนดตำแหน่งของบาดแผล ลักษณะการจัดวางแนวแผล
3. ขนาดของก้อนมะเร็ง  ก้อนมะเร็งที่มีขนาดใหญ่เมื่อเทียบกับขนาดเต้านมอาจไม่เหมาะสมที่จะผ่าตัดแบบสงวนเต้า
4. การกระจายตัวของมะเร็ง  มะเร็งที่เกิดขึ้นหลายๆ ตำแหน่ง หรือกระจายตัว หลายๆหย่อม ในเต้านม จะไม่สามารถเลือกวิธีผ่าตัดแบบสงวนเต้าได้
ปัจจัยด้านผู้ป่วย
1. อายุ  ในปัจจุบันผู้ป่วยอายุน้อย  ถือว่าไม่เหมาะที่จะเลือกวิธีผ่าตัดแบบสงวนเต้า
2. กรรมพันธุ์ หรือปัจจัยเสี่ยงอื่น  เป็นสิ่งที่บ่งบอกว่าเนื้อเยื่อเต้านมส่วนอื่นๆ ก็มีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งตามมาได้ในอนาคต ดังนั้นการผ่าตัดสงวนเต้าอาจไม่เหมาะในผู้ป่วยกลุ่มนี้ และหากมีการตรวจยืนยันว่าผู้ป่วยมียีนมะเร็งเต้านม (BRCA-1, BRCA-2) ด้วยแล้ว ถือเป็นข้อบ่งชี้สำหรับผู้ป่วยบางคน ในการผ่าตัดเอาเนื้อเยื่อเต้านมอีกข้างออกด้วย เพื่อเป็นการป้องกันการเกิดมะเร็งในเต้านมข้างที่ยังปกติอยู่ในอนาคต
3. โรคประจำตัว  ผู้ป่วยที่ไม่สามารถเข้ารับการฉายแสงได้ เนื่องจากมีโรคประจำตัว เช่นโรคผิวหนังบางชนิด หรือป่วยมากจนเดินทางไปฉายแสงไม่ได้   ก็ไม่ควรเลือกวิธีผ่าตัดแบบสงวนเต้าเพราะต้องมีการฉายแสงเป็นภาคบังคับที่ต้องทำควบคู่ไปด้วย
4. ความต้องการ  การผ่าตัดวิธีใดๆ ก็ตาม  ต้องขึ้นกับความต้องการของผู้ป่วยด้วย โดยแพทย์จะพิจารณา ความเป็นไปได้ ว่าสามารถทำได้ หรือไม่ได้
ปัจจัยด้านเต้านม
1. รูปทรงของเต้านม   เช่น ความหย่อนยาน ของเต้านมข้างที่เป็น และข้างตรงกันข้ามก็จะต้องนำมาวางแผนเลือกแนวทางการผ่าตัด โดยเฉพาะการผ่าตัดแบบสงวนเต้า เนื่องจากหลังผ่าแล้ว เต้านมสองข้างควรสมดุลกัน และมีรูปทรงที่ดูดี ไม่บิดเบี้ยว ซึ่งรูปทรงเต้านมที่ดูดี ไม่ขี้แหร่ นั้น ขึ้นกับการวางแผนในการผ่าตัดตั้งแต่แรก
2. ขนาดของเต้านม   เต้านมขนาดเล็กๆ ไม่เหมาะที่จะเลือกผ่าตัดวิธีสงวนเต้า เนื่องจากมีความจำกัดในการเลาะก้อนเนื้อออกให้มีขอบเขตกว้างในระดับที่ต้องการ และยังมีโอกาสเสียรูปทรงหรือบิดเบี้ยว หลังผ่าตัดและหลังฉายแสงได้สูง มันจะเป็นการดีกว่าถ้าเราใช้วิธีตัดเลาะเนื้อเยื่อเต้านมออกให้หมด แล้วเสริมสร้างขึ้นมาใหม่

การผ่าตัดไส้ติ่งแบบแผลเล็ก



สาระน่ารู้
หมดกังวลก่อนผ่าตัด Stress-free surgery (Health plus)

          อาการเจ็บป่วยที่ถึงขั้นต้องผ่าตัดนั้น อาจดูเป็นเรื่องใหญ่และทำให้คุณกังวลได้ไม่น้อย ขั้นตอนง่าย ๆ ในการเตรียมตัวก่อนผ่าตัดต่อไปนี้ ไม่เพียงแต่ทำให้คุณคลายเครียดและลดความวิตกกังวลได้ แต่ยังช่วยให้คุณหายเป็นปกติเร็วขึ้นด้วย

          หากคุณวิตกกังวลเกี่ยวกับการผ่าตัดที่ใกล้เข้ามา ไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัดเล็กหรือใหญ่ก็ตาม ขอให้มั่นใจว่ามีวิธีง่าย ๆ มากมายที่จะช่วยบรรเทาความวิตกกังวล และเสริมสร้างศักยภาพในการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย เพื่อให้ฟื้นตัวรวดเร็ว ไม่ว่าจะผ่าตัดเข่าเนื่องจากข้อเข่าอักเสบ หรือผ่าตัดเส้นเลือดขอด คุณก็สามารถช่วยตัวเองให้หายเป็นปกติรวดเร็วขึ้นเป็น 2 เท่า จนสามารถกลับมาเดินได้ โดยปฏิบัติตามขั้นตอนต่อไปนี้

เตรียมพร้อมร่างกาย

          "เริ่มจากคุณต้องงด หรือจำกัดต้นตอที่ก่อให้เกิดความระคายเคืองต่อร่างกาย ซึ่งได้แก่ คาเฟอีน แอลกอฮอล์ และอาหารแปรรูป ควรงดอาหารเหล่านี้อย่างน้อยที่สุด 2 สัปดาห์ก่อนเข้ารับการผ่าตัด" ดร.มาร์ค แอตคินสัน ผู้เชี่ยวชาญของ Health Plus กล่าว ทานอาหารสดจากธรรมชาติที่ไม่ผ่านกระบวนกรแปรรูปและไม่มีสารกันบูด หรือสารปรุงรส หรือสารแต่งกลิ่น หรือสีทั้งหลาย เช่น ผลไม้ ผัก เนื้อไม่ติดมัน ปลา เมล็ดข้าวที่ไม่ผ่านการขัดสี น้ำแร่หรือน้ำที่ผ่านการกรอง ชาสมุนไพร ออกกำลังกายสม่ำเสมอเท่าที่จะทำได้ ว่าแต่อะไรคือวิธีรับมือปัญหาที่เกิดจากการผ่าตัด ถ้าอยากทราบต้องอ่านเรื่องราวต่อไปนี้

ช่วยให้แผลหายเร็ว

          ผลที่ตามมาหลังการผ่าตัดซึ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้คือ ความจำเป็นที่ผิวและเนื้อเยื่อต้องซ่อมแซมตัวเอง ซึ่งมีวิธีมากมายที่จะช่วยให้การซ่อมแซมดังกล่าวมีประสิทธิภาพดี

          
 ทานปลามาก ๆ เนื่องจากเป็นแหล่งโปรตีนสำคัญ ซึ่งช่วยในการสมานแผล โปรตีนพบมากในนมไขมันต่ำ ถั่วเปลือกแข็งต่าง ๆ เมล็ดพืช และผลิตภัณฑ์ทำจากถั่วเหลือง

          
 สังกะสีและวิตามินซีและอี เป็นแอนตี้ออกซิแดนท์สำคัญในการเสริมสร้างคอลลาเจน ที่จำเป็นในการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ รักษาบาดแผลและเสริมสร้างภูมิต้านทานโรคเพื่อต่อสู้กับเชื้อโรค คุณหมอซาราห์บริวเวอร์แนะให้ทานวิตามินซี 1-3 กรัม สังกะสี 15 มิลลิกรัม และวิตามินอีเป็นประจำทุกวัน

          
 ทานวิตามินเอให้เพียงพอ เพราะจะช่วยเพิ่มภูมิต้านทานให้ต่อสู้กับเชื้อโรค ทำให้แผลหายเร็ว พบในเนื้อสัตว์และอาหารจำพวกนม ทานเบต้าแคโรทีนมาก ๆ พบในแครอท ฟักทองเทศ และผักใบเขียว หรือจะทานอาหารเสริมจำพวกวิตามินเอหนึ่งสัปดาห์ก่อนผ่าตัด

เตรียมสู้กับความปวด

          รับประทานผักผลไม้มาก ๆ เนื่องจากมีฤทธิ์แก้อักเสบตามธรรมชาติ ซึ่งช่วยบรรเทาอาการปวดหรือจานอาหารเสริมที่มีสารโบรมีเลียน (bromelain) เป็นทางเลือกก็ได้ โบรมีเลียนเป็นเอ็นไซม์ที่พบในสับปะรด ทานก่อนผ่าตัดจะช่วยบรรเทาอาการปวด แก้อักเสบ ผลการวิจัยยังระบุว่าสารดังกล่าวช่วยรักษาแผลฟกช้ำ ดร.มาร์คแนะนำ "ทานวันละ 200-400 มิลลิกรัม เป็นเวลา 7 วันก่อนผ่าตัด"

ป้องกันการติดเชื้อ

          เพื่อป้องกันการติดเชื้อหลังผ่าตัด ควรเสริมสร้างภูมิต้านทานก่อนรับการผ่าตัด

          
 ลดหรือละคาเฟอีน เกลือ สารปรุงรสต่าง ๆ (รวมถึงน้ำตาลเทียม) เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และทั้งหลายทั้งปวงที่ไปขัดขวางการทำงานของระบบภูมิต้านทาน

          
 ดื่มชาสมุนไพรวันละ 1 ถ้วย ผสมเน็ทเทิล (nttles) 2 ส่วนกับสมุนไพรต่อไปนี้ 1 ส่วน ชะเอม, Echinacea, หญ้าเจ้าชู้ (cleavers), ไทม์, โบราจ (borage) ชาสมุนไพรผสม 1 ช้อนชาต่อน้ำเดือด 1 ถ้วย ใส่สมุนไพรในกาน้ำชาอุ่น เติมน้ำเดือดลงไป ปิดฝา แช่ทิ้งไว้ 10 นาทีก่อนดื่ม

บรรเทาอาการแผลฟกช้ำ

          แผลฟกช้ำคือปฏิกิริยาตามธรรมชาติของร่างกายเวลาเกิดบาดแผล แต่มีวิธีมากมายที่จะช่วยลดอาการดังกล่าวได้ ทำให้ร่างกายฟื้นตัวเร็วขึ้น

          
 ทานผักผลไม้ เพื่อให้ได้รับกรดซาลิไซลิก ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญในยาแอสไพริน มีสรรพคุณลดอาการบวม

          
 น้ำมันปลา เช่นจากปลาแซลมอน ปลาแฮร์ริ่ง และปลาซาร์ดีน ล้วนเป็นแหล่งชั้นเลิศของกรดไขมันจำเป็นที่ช่วยลดการอักเสบ หรือจะทานน้ำหมันปลาในรูปอาหารเสริมก็ได้

          
 อาร์นิกา (Amica) เป็นพืชตระกูลดาวเรือง ช่วยลดอาการฟกช้ำเลือดหยุดไหลเร็ว ลดการอักเสบป้องกันอาการช็อก ร่างกายฟื้นตัวเร็ว ครีมสกัดจากดอกอาร์นิกาช่วยลดรอยฟกช้ำ

          
 ชาสมุนไพรคาโมไมล์และขิง ช่วยลดการอักเสบ เลือกดื่มชนิดใดชนิดหนึ่งวันละ 1 ถ้วย

รับมือกับยาชา

          ยาชามีทั้งยาสลับหรือยาชาเฉพาะที่ ยาชาเป็นสิ่งจำเป็นช่วยระงับความเจ็บปวดในระหว่างผ่าตัด อย่างไรก็ตาม ยาชาอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ แต่ก็มีวิธีช่วยลดความเสี่ยงดังกล่าวได้ดังนี้

          
 ป้องกันไม่ให้ตับทำงานหนักเกินไป ตับมีหน้าที่ขับยาชาออกจากร่างกาย คุณช่วยลดการทำงานของตับได้ด้วยการงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ดื่มน้ำมาก ๆ ลดอาหารที่มีสารปรุงรสและสารกันบูด รวมถึงยาพาราเซตามอล ควรทานผักมาก ๆ สมุนไพรมิลค์ธีสเทิล (milk thistle) ช่วยให้ตับทำงานได้ดีขึ้น "ทานวันละ 3 ครั้งหลังอาหารเป็นเวลา 1 สัปดาห์ก่อนผ่าตัด และ 3 สัปดาห์หลักผ่าตัด" ซูซาน คลาร์กกล่าว แนะให้ทานมิลค์ธีสเทิลในรูปของแคปซูล

          
 "ยาบางชนิดและยาชาระคายเคืองต่อกระเพาะอาหารและลำไส้ ก่อให้เกิดอาการอาเจียนและท้องผูกหรือท้องเสีย" ดร.มาร์คแนะนำ ป้องกันอาการดังกล่าว ด้วยการรับประทานอาร์ติโชคในรูปแคปซูลเป็นประจำทุกวัน เริ่มทานก่อนผ่าตัด 2 วัน แต่อย่าทาน หากเข้ารับการผ่าตัดตับหรือถุงน้ำดี

          
 เลิกบุหรี่ การวางยาชาทำให้เกิดความเสี่ยงในการติดเชื้อที่ช่องอก ดังนั้นหากคุณสูบบุหรี่ ให้งดสูบเป็นเวลาหลายสัปดาห์ก่อนผ่าตัด เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดความผิดปกติ เกี่ยวกับทางเดินหายใจในระหว่างหรือหลังผ่าตัด การสูบบุหรี่ทำให้วิตามินซีในร่างกายลดลง ซึ่งวิตามินซีจำเป็นต่อการสร้างคอลลาเจน ทำให้บาดแผลที่ผิวหนังหายเร็วขึ้น

เตรียมพร้อมจิตใจ

          ก่อนผ่าตัดควรทำจิตใจให้ผ่อนคลาย ไม่เครียด เนื่องจากจิตใจที่เครียดมีผลกระทบต่อการฟื้นตัวของร่างกาย ต่อไปนี้คือวิธีง่าย ๆ ที่ช่วยให้จิตใจผ่อนคลาย

 ทำจิตใจให้สงบ

          ก่อนอื่นคุณต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับการผ่าตัดครั้งนี้ของคุณ จดคำถามหรือข้อสงสัยต่าง ๆ ไว้ล่วงหน้า อย่าลืมจดรายชื่อยา สมุนไพรที่ใช้ หรืออาหารเสริมทั้งหมดที่คุณทาน รวมถึงรายละเอียดเกี่ยวกับอาการแพ้ต่าง ๆ ที่คุณเป็น ไปพบแพทย์เพื่อตรวจเช็ก หากมีปัญหาสุขภาพเรื้อรัง

          อย่าปล่อยให้ความกังวลเกี่ยวกับการผ่าตัดครอบงำจิตใจ นักวิจัยแห่งมหาวิทยาลัยวิสคอนซิน-เมดิสันระบุว่า การมองโลกแง่ร้ายทำให้ระบบภูมิต้านทานอ่อนแอ การออกกำลังกาย การมีเพศสัมพันธ์ และเสียงหัวเราะ ช่วยให้ฮอร์โมนเซเรโตนินซึ่งเป็นฮอร์โมนแห่งความสุขเพิ่มขึ้น

จัดเตรียมกางเกงในสะอาด ๆ

          ลืมความกังวลเกี่ยวกับขนชาที่ตกดำ เตรียมกางเกงในตัวใหม่ แว็กซ์ขนขาให้เกลี้ยงการดูแลตัวเองจะช่วยให้จิตใจผ่อนคลายขึ้น

 ลดความเครียด

          การระบายความเครียดของตนให้ผู้อื่นฟัง จะช่วยลดความเครียดลงได้ครึ่งหนึ่ง การพูดคุยกับเพื่อนสนิท หรือสมาชิกในครอบครัวที่เคยผ่าตัดมาก่อน จะช่วยบรรเทาความเครียดในจิตใจลงได้ การนวดอโรมาจะช่วยคลายความเครียดทั้งร่างกายและจิตใจ

          ผลการวิจัยจากมหาวิทยาลัยเซอร์เรย์ระบุว่า อาสาสมัครที่ทานสมุนไพรวาเลเรี่ยน (Valerian) เป็นเวลา 7 วัน จะทำให้จิตใจผ่อนคลายและสามารถรับมือกับความเครียดได้ดีขึ้น

 นอนหลับให้เต็มอิ่ม

          การนอนหลับจำเป็นต่อร่างกาย เพราะช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกายและรับมือกับความเครียดได้ หากมีอาการนอนไม่หลับ ให้ทานอาหารที่วิตามินบี 6 เช่นแครอท ปลา และอโวคาโด ควรดื่มนมอุ่น 1 แก้วหรือชาคาโมไมล์ซึ่งช่วยให้จิตใจสงบเยือกเย็น 1 ถ้วยก่อนนอน

          โรงพยาบาลจะแนะนำให้คุณงดอาหารและเครื่องดื่มก่อนผ่าตัด และอย่าลืมเตรียมของใช้ส่วนตัว หรือข้าวของที่ช่วยให้คุณรู้สึกสบายเหมือนอยู่บ้าน ตัวอย่างเช่น รูปถ่ายครอบครัว นาฬิกาปลุก ชุดนอนตัวโปรดรองเท้าแตะ ยาที่ใช้ปัจจุบัน หนังสือหรือนิตยสาร เครื่องเล่นวิทยุส่วนตัว แปรงสีฟัน ยาสีฟัน และแปรงหวีผม เผื่อคุณอยากสวยสดชื่นเมื่อไรก็ได้ตามใจต้องการ



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น